Diary



ตัวการเป็นไปได้ ที่ทำให้สิวบุก




1. ติดหวาน ชอบน้ำตาลเป็นที่สุด
          หากคุณเป็นคนติดรสชาติหวาน ในหนึ่งวันต้องบริโภคน้ำตาลรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย นั่นล่ะคือสาเหตุของการเกิดสิวที่เห่อกันขึ้นมาทีละหลายเม็ด ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลในขนม ลูกอม จากอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตอันเป็นแหล่งน้ำตาลยอดฮิต ทำให้ดัชนีไกลซีมิก (Glycemic index) หรือดัชชนีน้ำตาลในอาหารพุ่งสูงปรี๊ด หรือจะเป็นน้ำตาลธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าอย่างน้ำผึ้ง หรือจากผลไม้ แต่ถ้าได้ในปริมาณมากเกินไปก็ไม่ดีต่อเรื่องสิว ๆ

2. ฮอร์โมนแปรปรวน
          พูดถึงสิวของวัยรุ่นก็ต้องนึกถึงเรื่องฮอร์โมนมาเป็นอันดับแรก และแม้กระทั่งเมื่อเข้าสู่วัยทอง คุณผู้หญิงบางคนก็ต้องกลับมาเผชิญปัญหาสิวอีกเช่นกัน และอาจมีปัญหาอื่นร่วมด้วย อย่างอารมณ์แปรปรวนง่าย เหงื่อออกมากผิดปกติ

3. ความเครียดมาเยือน สิวก็มาเยี่ยม
          ความเครียดเป็นตัวการทำให้เกิดสิวได้มากพอ ๆ กับตัวการอื่น ๆ ที่กล่าวมา เพราะความเครียดกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนคอร์ติซอล เมื่อคอร์ติซอลมีสูงก็ไปกระตุ้นอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้สูงไปด้วย เพราะฉะนั้นหากคิดว่าความเครียดคือสาเหตุสิวบุกของคุณ ก็ต้องหาทางเลี่ยงสาเหตุของความเครียด และหาทางคลายเครียดเอาไว้ พักผ่อนให้มาก กินอาหารสะอาดถูกหลักอนามัย กินให้ตรงตามเวลา ดื่มน้ำสะอาดเยอะ ๆ จิบชาเขียว ชาคาโมไมล์ ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ 

4. ขาดแคลนซึ่งอาหารแคลเซียม-แมกนีเซียม สูง
          แม้ว่าจะดูแลเรื่องอาหารการกินดีแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่ามีสิวอยู่ ลองกลับไปย้อนดูเมนูอาหารของคุณดูหน่อยสิคะว่ามันขาดแคลนซึ่งแคลเซียมและแมกนีเซียมหรือเปล่า แร่ธาตุทั้งสองตัวที่ขึ้นชื่อว่าดีต่อกระดูกและการทำงานของระบบประสาท ยังช่วยเรื่องต่อสู้กับความเครียดและความเหนื่อยล้าของร่างกายได้ดี และสองสิ่งนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว นอกจากจะดูแลความความเครียดและความอ่อนล้าของร่างกายจากภายนอกแล้ว ก็มาดูแลจากภายในด้วยอาหารเปี่ยมแคลเซียมและแมกนีเซียมกันดีกว่า อย่าง กรีกโยเกิร์ต อัลมอนด์ วอลนัท ผักใบเขียว เมล็ดฟักทอง ปลาแซลมอน และแม้แต่ดาร์กช็อกโกแลต ก็มีแร่ธาตุทั้งสองนี้อยู่เพียบเลยล่ะ
  
5. นอนหลับไม่เพียงพอ
          สาเหตุง่าย ๆ และใคร ๆ ก็รู้กันดีว่าการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอก็เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้เช่นกัน เพราะเมื่อหลับผิวก็ได้ฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเอง เมื่ออดนอนผิวจึงโทรม สภาพผิวแปรปรวน บ้างผิวแห้งไปบ้างก็ผิวมันเกิน ซึ่งล้วนทำให้เกิดสิวได้ง่ายทั้งคู่ หรือการเกิดจากเครียดมากจนนอนไม่หลับก็ยิ่งทำให้สิวเห่อและอาการย่ำแย่มากขึ้น รู้อย่างนี้แล้วก็ต้องปรับกันที่สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นจัดสรรเวลานอนใหม่ นอนให้เร็วขึ้น และผ่อนคลายกำจัดความเครียดให้หายไปซะ จะได้หัวถึงหมอนก็นอนหลับสบายนะคะ

6. ใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ถูกกับผิว สิวจึงตามมา
          ถ้าหากดูแลเรื่องอาหารการกินดีแล้ว พักผ่อนเพียงพอก็แล้ว ผ่อนคลายความเครียดก้แล้ว แต่สิวก็ยังขึ้นอยู่ แบบนี้ลองกลับมาดูที่เรื่องใกล้ตัวใกล้ผิวอย่างผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้กับผิวหน้าดูอีกที คุณอาจไม่นึกสงสัยว่ามันเป็นตัวการเพราะคุณใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติทั้งหมด แต่ใช่ว่าผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเองจะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้นะคะ หากว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกกับผิวของคุณจริง ๆ ผิวก็ออกอาการระคายเคืองผุดออกมาเป็นเม็ดสิวได้ ลองกลับไปสำรวจเครื่องประทินผิวของคุณดูว่าตัวไหนน่าสงสัย ตัวที่เพิ่งลองใช้ใหม่จะน่าสงสัยที่สุด หยุดผลิตภัณฑ์ทุกอย่างก่อนเพื่อดูว่าผิวดีขึ้นไหม จากนั้นค่อย ๆ กลับมาใช้ผลิตภัณฑ์เดิมทีละตัว เพื่อหาว่าตัวไหนกันแน่ที่เป็นตัวการเกิดสิว 






ประโยชน์ดีๆ ที่ซ่อนอยู่ในลูกพรุน



ลูกพรุน ผลไม้ที่หลายๆ คนรู้จัก ส่วนมากจะในเรื่องช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี แต่เจ้าลูกพรุนนี้ยังให้ประโยชน์อีกหลายอย่าง
- เพียบไปด้วยสารอาหาร วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 วิตามินซี โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและสังกะสี
- กากใยของลูกพรุนช่วยลดโคเลสเตอรอลได้ เหมาะสำหรับคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับความอ้วน
 - มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว และอุจจาระที่ออกมาก็จะนิ่ม หมดห่วงเรื่องริดสีดวงทวารอีกด้วย
- มีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะจนผลไม้อื่นอิจฉา
- น้ำตาลจากลูกพรุนเป็นน้ำตาลฟลุคโตสและซอร์บิทอล ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ร่างกายจึงดูดซึมไปใช้ได้ทันที่กินเข้าไป
 - แคลเซียมในผลไม้ชนิดนี้ จะทำให้คุณเป็นสาวกระดูกเหล็ก ฟันแข็งแรง หัวใจแกร่ง ประสาททำงานเป็นปกติ จะคิดอะไรก็คล่อง
 - มีวิตามิน บี2 ที่ชื่อไรโนฟลาติน ที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงดีต่อผิม ผิว เล็บ และช่วยเรื่องการมองเห็น
- อุดมด้วยวิตามินอี ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ยืดอายุของเม็ดเลือดแดง แถมยังบำรุงผิวและบำรุงสายตาให้เห็นชัดในความมืด
 - มีธาตุเหล็กสูง 






เวลาที่ดีสำหรับการอ่านหนังสือ


เคยมีคนบอกว่าเวลาที่ดีที่สุด คือ ตอนเช้า เพราะร่างกายเราได้พักผ่อน รวมทั้งสมองก็ได้พัก มีการจัดระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้พร้อมกับการใส่ข้อมูลใหม่ ๆ เข้าไป อันนี้เป็นเรื่องจริง แต่สำหรับคนที่ตื่นเช้าไม่ไหว เวลาดึก ๆ ที่เงียบ ๆ ก็เหมาะ คือว่ามันเงียบไงสมองเราก็สามารถคิดสิ่งต่างๆ ได้ดี แต่อาจจะไม่เท่าตอนเช้า เพราะสมองเราต้องเหนื่อยจากการเรียนมาแล้วทั้งวัน บางคนยังมีการเรียนพิเศษตอนเย็นอีก สำหรับตัวเราเอง อ่านตอนกลางคืนสักนิด ได้เท่าไหนก็แค่นั้น 5 ทุ่มต้องเข้านอน แล้วก็ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี 3 ตี 4 ตี 5 แนะนำให้ตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาที่ต้องตื่นไปสักครึ่งชั่วโมง เพื่อที่เราจะได้มีเวลาเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอนก่อนสักพัก ถึงค่อยลุกไปล้างหน้าล้างตา มานั่งอ่าน ขอย้ำว่าควรทำให้ตัวเองตื่นเต็มที่ก่อนจะอ่าน เพราะไม่งั้นเดี๋ยวก็หลับคาหนังสืออีกจนได้
เวลาที่ไม่เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือเรียนเลย คือ ช่วงบ่ายหลังจากกินข้าวเสร็จอิ่ม ๆ เคยได้ยินสุภาษิตไทยที่ว่า พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนไหม ช่วงบ่ายจะเป็นช่วงที่คนเรามีความง่วงนอน อ่านไปก็หลับ ยิ่งหนังสือเรียนด้วย และไม่ควรนอนอ่านหนังสือ โดยเฉพาะบนเตียง ขอบอกว่าหลับแน่ๆ ไม่ใช่อ่านนิยายนี่ มันจะน่าติดตาม จนอยากอ่านให้จบ เรามีเพื่อนคนหนึ่ง เขาบอกว่าหนังสือเรียนคือยานอนหลับขนานเอก เห็นจะจริง อ่านไม่กี่หน้าก็หลับแล้วการอ่านควรจะเป็นในสถานที่ที่สงบ เงียบ และสมองเราพร้อมที่จะรับเรื่องใหม่ ๆ นั่นแหละการอ่านถึงจะได้ผลสูงสุด







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น