ตัวการเป็นไปได้ ที่ทำให้สิวบุก
หากคุณเป็นคนติดรสชาติหวาน
ในหนึ่งวันต้องบริโภคน้ำตาลรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย
นั่นล่ะคือสาเหตุของการเกิดสิวที่เห่อกันขึ้นมาทีละหลายเม็ด
ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลในขนม ลูกอม จากอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตอันเป็นแหล่งน้ำตาลยอดฮิต
ทำให้ดัชนีไกลซีมิก (Glycemic index) หรือดัชชนีน้ำตาลในอาหารพุ่งสูงปรี๊ด
หรือจะเป็นน้ำตาลธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าอย่างน้ำผึ้ง หรือจากผลไม้
แต่ถ้าได้ในปริมาณมากเกินไปก็ไม่ดีต่อเรื่องสิว ๆ
พูดถึงสิวของวัยรุ่นก็ต้องนึกถึงเรื่องฮอร์โมนมาเป็นอันดับแรก
และแม้กระทั่งเมื่อเข้าสู่วัยทอง
คุณผู้หญิงบางคนก็ต้องกลับมาเผชิญปัญหาสิวอีกเช่นกัน และอาจมีปัญหาอื่นร่วมด้วย
อย่างอารมณ์แปรปรวนง่าย เหงื่อออกมากผิดปกติ
ความเครียดเป็นตัวการทำให้เกิดสิวได้มากพอ ๆ กับตัวการอื่น ๆ ที่กล่าวมา
เพราะความเครียดกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนคอร์ติซอล
เมื่อคอร์ติซอลมีสูงก็ไปกระตุ้นอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้สูงไปด้วย
เพราะฉะนั้นหากคิดว่าความเครียดคือสาเหตุสิวบุกของคุณ
ก็ต้องหาทางเลี่ยงสาเหตุของความเครียด และหาทางคลายเครียดเอาไว้ พักผ่อนให้มาก
กินอาหารสะอาดถูกหลักอนามัย กินให้ตรงตามเวลา ดื่มน้ำสะอาดเยอะ ๆ จิบชาเขียว
ชาคาโมไมล์ ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ
แม้ว่าจะดูแลเรื่องอาหารการกินดีแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่ามีสิวอยู่
ลองกลับไปย้อนดูเมนูอาหารของคุณดูหน่อยสิคะว่ามันขาดแคลนซึ่งแคลเซียมและแมกนีเซียมหรือเปล่า
แร่ธาตุทั้งสองตัวที่ขึ้นชื่อว่าดีต่อกระดูกและการทำงานของระบบประสาท
ยังช่วยเรื่องต่อสู้กับความเครียดและความเหนื่อยล้าของร่างกายได้ดี
และสองสิ่งนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว นอกจากจะดูแลความความเครียดและความอ่อนล้าของร่างกายจากภายนอกแล้ว
ก็มาดูแลจากภายในด้วยอาหารเปี่ยมแคลเซียมและแมกนีเซียมกันดีกว่า อย่าง
กรีกโยเกิร์ต อัลมอนด์ วอลนัท ผักใบเขียว เมล็ดฟักทอง ปลาแซลมอน
และแม้แต่ดาร์กช็อกโกแลต ก็มีแร่ธาตุทั้งสองนี้อยู่เพียบเลยล่ะ
สาเหตุง่าย ๆ และใคร ๆ
ก็รู้กันดีว่าการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอก็เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้เช่นกัน
เพราะเมื่อหลับผิวก็ได้ฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเอง เมื่ออดนอนผิวจึงโทรม สภาพผิวแปรปรวน
บ้างผิวแห้งไปบ้างก็ผิวมันเกิน ซึ่งล้วนทำให้เกิดสิวได้ง่ายทั้งคู่
หรือการเกิดจากเครียดมากจนนอนไม่หลับก็ยิ่งทำให้สิวเห่อและอาการย่ำแย่มากขึ้น
รู้อย่างนี้แล้วก็ต้องปรับกันที่สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นจัดสรรเวลานอนใหม่
นอนให้เร็วขึ้น และผ่อนคลายกำจัดความเครียดให้หายไปซะ
จะได้หัวถึงหมอนก็นอนหลับสบายนะคะ
ถ้าหากดูแลเรื่องอาหารการกินดีแล้ว พักผ่อนเพียงพอก็แล้ว
ผ่อนคลายความเครียดก้แล้ว แต่สิวก็ยังขึ้นอยู่
แบบนี้ลองกลับมาดูที่เรื่องใกล้ตัวใกล้ผิวอย่างผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้กับผิวหน้าดูอีกที
คุณอาจไม่นึกสงสัยว่ามันเป็นตัวการเพราะคุณใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติทั้งหมด
แต่ใช่ว่าผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเองจะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้นะคะ
หากว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกกับผิวของคุณจริง ๆ
ผิวก็ออกอาการระคายเคืองผุดออกมาเป็นเม็ดสิวได้
ลองกลับไปสำรวจเครื่องประทินผิวของคุณดูว่าตัวไหนน่าสงสัย ตัวที่เพิ่งลองใช้ใหม่จะน่าสงสัยที่สุด
หยุดผลิตภัณฑ์ทุกอย่างก่อนเพื่อดูว่าผิวดีขึ้นไหม จากนั้นค่อย ๆ
กลับมาใช้ผลิตภัณฑ์เดิมทีละตัว เพื่อหาว่าตัวไหนกันแน่ที่เป็นตัวการเกิดสิว
ประโยชน์ดีๆ ที่ซ่อนอยู่ในลูกพรุน
ลูกพรุน ผลไม้ที่หลายๆ คนรู้จัก
ส่วนมากจะในเรื่องช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี
แต่เจ้าลูกพรุนนี้ยังให้ประโยชน์อีกหลายอย่าง
- เพียบไปด้วยสารอาหาร วิตามินบี 1
บี 2 บี 3 วิตามินซี โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและสังกะสี
- กากใยของลูกพรุนช่วยลดโคเลสเตอรอลได้
เหมาะสำหรับคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับความอ้วน
- มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ
ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว และอุจจาระที่ออกมาก็จะนิ่ม
หมดห่วงเรื่องริดสีดวงทวารอีกด้วย
-
มีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะจนผลไม้อื่นอิจฉา
-
น้ำตาลจากลูกพรุนเป็นน้ำตาลฟลุคโตสและซอร์บิทอล ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว
ร่างกายจึงดูดซึมไปใช้ได้ทันที่กินเข้าไป
- แคลเซียมในผลไม้ชนิดนี้
จะทำให้คุณเป็นสาวกระดูกเหล็ก ฟันแข็งแรง หัวใจแกร่ง ประสาททำงานเป็นปกติ
จะคิดอะไรก็คล่อง
- มีวิตามิน บี2 ที่ชื่อไรโนฟลาติน
ที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงดีต่อผิม ผิว เล็บ และช่วยเรื่องการมองเห็น
- อุดมด้วยวิตามินอี
ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ยืดอายุของเม็ดเลือดแดง
แถมยังบำรุงผิวและบำรุงสายตาให้เห็นชัดในความมืด
- มีธาตุเหล็กสูง
เวลาที่ดีสำหรับการอ่านหนังสือ
เคยมีคนบอกว่าเวลาที่ดีที่สุด คือ
ตอนเช้า เพราะร่างกายเราได้พักผ่อน รวมทั้งสมองก็ได้พัก มีการจัดระเบียบเรียบร้อย
เพื่อให้พร้อมกับการใส่ข้อมูลใหม่ ๆ เข้าไป อันนี้เป็นเรื่องจริง
แต่สำหรับคนที่ตื่นเช้าไม่ไหว เวลาดึก ๆ ที่เงียบ ๆ ก็เหมาะ คือว่ามันเงียบไง…สมองเราก็สามารถคิดสิ่งต่างๆ
ได้ดี แต่อาจจะไม่เท่าตอนเช้า เพราะสมองเราต้องเหนื่อยจากการเรียนมาแล้วทั้งวัน
บางคนยังมีการเรียนพิเศษตอนเย็นอีก สำหรับตัวเราเอง อ่านตอนกลางคืนสักนิด
ได้เท่าไหนก็แค่นั้น 5 ทุ่มต้องเข้านอน แล้วก็ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี 3 ตี 4 ตี 5
แนะนำให้ตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาที่ต้องตื่นไปสักครึ่งชั่วโมง
เพื่อที่เราจะได้มีเวลาเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอนก่อนสักพัก
ถึงค่อยลุกไปล้างหน้าล้างตา มานั่งอ่าน
ขอย้ำว่าควรทำให้ตัวเองตื่นเต็มที่ก่อนจะอ่าน
เพราะไม่งั้นเดี๋ยวก็หลับคาหนังสืออีกจนได้
เวลาที่ไม่เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือเรียนเลย คือ
ช่วงบ่ายหลังจากกินข้าวเสร็จอิ่ม ๆ เคยได้ยินสุภาษิตไทยที่ว่า “พอหนังท้องตึง
หนังตาก็หย่อน” ไหม ช่วงบ่ายจะเป็นช่วงที่คนเรามีความง่วงนอน
อ่านไปก็หลับ ยิ่งหนังสือเรียนด้วย และไม่ควรนอนอ่านหนังสือ โดยเฉพาะบนเตียง
ขอบอกว่าหลับแน่ๆ ไม่ใช่อ่านนิยายนี่ มันจะน่าติดตาม จนอยากอ่านให้จบ
เรามีเพื่อนคนหนึ่ง เขาบอกว่าหนังสือเรียนคือยานอนหลับขนานเอก เห็นจะจริง
อ่านไม่กี่หน้าก็หลับแล้วการอ่านควรจะเป็นในสถานที่ที่สงบ เงียบ
และสมองเราพร้อมที่จะรับเรื่องใหม่ ๆ นั่นแหละการอ่านถึงจะได้ผลสูงสุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น